ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเกิดความกังวลว่า จะนำมาสู่หายนะครั้งใหม่ของมนุษย์ ไม่ว่าจะในแง่ของการแย่งงาน ความปลอดภัยของข้อมูล ไปจนถึงภัยที่เราเคยเห็นแต่ในภาพยนตร์ไซไฟอย่างการที่เอไอหลุดจากการควบคุมของมนุษย์

 สหภาพยุโรปได้ข้อสรุปกฎหมายควบคุมปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรกของโลก

นั่นทำให้เกิดความพยายามควบคุมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในหลายประเทศ โดยเฉพาะการควบคุมด้วยกฎหมาย เพื่อให้การพัฒนาเอไออยู่ภายใต้กรอบที่กำหนด

นักวิจัยไทยแนะ พัฒนา “เอไอ” เพื่อยกระดับมนุษย์ ไม่ใช่เหนือกว่าและละทิ้งมนุษย์ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ครั้งแรก! หุ่นยนต์เอไอร่วมแถลงข่าว ยันไม่คิดก่อกบฏ-แย่งงานมนุษย์

ผู้เชี่ยวชาญเตือน เอไออาจนำไปสู่ “การสูญพันธุ์” ของมนุษยชาติ

ล่าสุด รัฐสภายุโรปและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประชุมหารือกว่า 3 วัน ใช้เวลารวมกว่า 37 ชั่วโมง ในการตกลง “กฎหมายฉบับแรกของโลกในการควบคุมปัญญาประดิษฐ์”

เธียร์รี เบรอตง กรรมาธิการยุโรปที่รับผิดชอบชุดกฎหมายในยุโรป บอกว่า ข้อตกลงกฎหมายดังกล่าวเป็น “ข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์” ซึ่งคุ้มค่าแล้วกับการอดหลับอดนอนและประชุมมาราธอนเกือบ 3 วัน

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สหภาพยุโรปนำหน้าสหรัฐฯ จีน และสหราชอาณาจักร ในการแข่งขันเพื่อควบคุมปัญญาประดิษฐ์ และปกป้องสาธารณะจากความเสี่ยงที่อาจรวมถึงภัยคุกคามต่อชีวิต ซึ่งหลายคนกลัวว่าอาจเกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับเนื้อหาของกฎหมาย โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุดคือในปี 2025 และเนื้อหาจะครอบคลุมทั้งเอไอ โซเชียลมีเดีย และเสิร์ชเอนจิน

หนึ่งในข้อกฎหมายที่พอจะทราบคือ การเฝ้าระวังสังคมด้วยเอไอ เช่น เทคโนโลยีเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ ที่มักใช้โดยตำรวจ จะไม่สามารถใช้ได้ เว้นแต่เหตุจำเป็น 3 ประการ

เบรอตงบอกว่า ตำรวจจะสามารถใช้เทคโนโลยีที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของสาธารณะได้เฉพาะในกรณีที่เกิดภัยคุกคามจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยไม่คาดคิด ความจำเป็นในการค้นหาเหยื่อ และในการดำเนินคดีกับอาชญากรรมร้ายแรง

ขณะที่ แบรนโด เบนิเฟ ผู้ร่วมนำทีมเจรจาของรัฐสภายุโรป และดรากอช ทูโดราเก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโรมาเนีย กล่าวว่า พวกเขารับประกันว่า การใช้เทคโนโลยีเอไอเพื่อเฝ้าระวังจะต้องได้รับอนุญาตจาก “หน่วยงานอิสระ” ก่อน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิโดยตำรวจ และป้องกันการจับกุมคนบริสุทธ์เพียงเพราะเอไอประเมินว่ามีโอกาสที่เขาจะก่ออาชญากรรม

เบนิเฟกล่าวว่า “เรามีวัตถุประสงค์ในการออกกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิเวศของเอไอในยุโรปจะพัฒนาด้วยแนวทางที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง โดยเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน คุณค่าของมนุษย์ สร้างความไว้วางใจ สร้างจิตสำนึกว่าเราจะดึงด้านที่ดีที่สุดจากเอไอนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการปฏิวัติที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเรา”

ขณะที่ทูโดราเกบอกว่า “เราไม่เคยพยายามที่จะปฏิเสธการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องมือที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรรม เครื่องมือที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้กับการฉ้อโกง เครื่องมือที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการจัดหาและรักษาความปลอดภัยให้กับชีวิตที่ปลอดภัยของประชาชน แต่เราต้องการห้ามการใช้เทคโนโลยีเอไอที่จะกำหนดว่าใครอาจก่ออาชญากรรม”

กฎระเบียบยังมีภาระผูกพันที่สำคัญกับบริการเอไอ รวมถึงกฎพื้นฐานเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลที่ใช้ในการสอนให้เอไอทำอะไรก็ตาม ตั้งแต่การเขียนบทความในข่าว ไปจนถึงการวินิจฉัยโรค

ทูโดราเกกล่าวว่า “เราเป็นรายแรกในโลกที่กำหนดกฎระเบียบที่แท้จริงสำหรับเอไอและสำหรับโลกดิจิทัลในอนาคตที่ขับเคลื่อนโดยเอไอ ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาและวิวัฒนาการของเทคโนโลยีนี้ในทิศทางที่มนุษย์เป็นศูนย์กลาง”

ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวไว้ว่า สหภาพยุโรปมุ่งมั่นที่จะไม่ทำผิดพลาดเหมือนในอดีต ที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างเฟซบุ๊กได้รับอนุญาตให้เติบโตเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยไม่มีข้อผูกมัดในการควบคุมเนื้อหาบนแพลตฟอร์มของพวกเขา

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก JOEL SAGET / AFP

By admin